วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

ประวัติของขนมเค้ก




ประวัติของขนมเค้ก

              “ขนมเค้ก” (cake) เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่มักจะมีรสหวานและผ่านกระบวนการอบ ซึ่งจะทำมาจากแป้ง น้ำตาล และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ไข่ ผัก และผลไม้ที่ให้รสหวานหรือเปรี้ยว หรือส่วนประกอบที่มีไขมัน เช่น เนย ชีส ยีสต์ นม เป็นต้น และนิยมรับประทานเป็นของหวาน และฉลองในเทศกาลต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเกิดและวันแต่งงาน ซึ่งในโลกมีตำรับหรือสูตรการทำเค้กเป็นจำนวนล้านๆ สูตร ขนมเค้กมีหลากหลายชนิด อาทิ ชีสเค้ก ฟรุตเค้ก แพนเค้ก เค้กเนยสด และแยมโรล เป็นต้น

               ขนมเค้ก มีรากศัพท์มาจากภาษาของชาวไวกิ้ง (Old Norse word) มาจากคำว่า “kaka” ประวัติเริ่มจากปี ค.ศ. 1843 นักเคมีชาวอังกฤษชื่อ อัลเฟรดเบิร์ด (Alfred Bird 1811-1878) ได้ค้นพบ “ผงฟู” (baking powder) ขึ้น ทำให้เขาสามารถทำขนมปังชนิดที่ไม่มียีสต์ได้เป็นครั้งแรก ทั้งนี้เนื่องมาจากภรรยาของเขา (Elizabeth) เป็นโรคภูมิแพ้อาหารที่มีส่วนผสมของไข่และยีสต์

                สำหรับประวัติขนมเค้กในประเทศไทยนั้น ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2480 ขนมเค้กยังไม่เป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไปมากนัก จะมีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ได้รับอารยธรรมตะวันตกหรือใกล้ชิดกับชาวต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจ โดยร้านเบเกอรี่ (bakery) ในกรุงเทพฯ มีอยู่ไม่มากนัก ร้านที่เป็นที่รู้จักย่านถนนเจริญกรุงคือร้านมอนโลเฮียงเบเกอรี่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายทำธุรกิจกับต่างประเทศ และการท่องเที่ยวมีการขยายตัวมากขึ้น ทำให้มีความต้องการบริโภค ขนมเค้ก ขนมปัง เพสตรี้ เพื่อบริการแก่ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมีมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ธุรกิจเบเกอรี่ หรือขนมเค้ก ขนมปัง ขนมคุ๊กกี้ จึงขยายตัวและเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


เคล็ดไม่ลับ ทำเค้กง่ายๆ


เคล็ดไม่ลับ ทำเค้กง่ายๆ เพียง 5 นาที ด้วยไมโครเวฟ

          สวัสดีค่ะ ช่วงก่อนจิบชายามบ่าย "เคล็ดไม่ลับ" วันนี้ก็มีวิธีการทำขนมเค้กแบบง่ายๆ อร่อยกันได้ทุกครัวเรือนมาฝากค่ะ ใครที่เคยคิดว่าไม่มีเตาอบไม่มีสิทธิ์ทำขนมเค้กเตรียมเฮกันได้เลย และสำหรับเมนูที่เคล็ดไม่ลับนำมาเสนอในวันนี้ก็คือ "เค้กช็อคโกแลต 5 นาที" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตที่เหล่าพ่อครัวแม่ครัวมือใหม่ฝึกทำกันอย่างแพร่หลายและไม่ต้องกลัวเสียของ ใช้เวลาเบ็ดเสร็จไม่เกิน 5 นาที เค้กช็อคโกแลตฉ่ำๆ ก็พร้อมเสริฟแล้วล่ะค่ะ   ว่าแล้วก็มาดูส่วนผสมกันก่อนเลยค่ะ
  • - แป้งอเนกประสงค์ 4 ช้อนโต๊ะ
  • - น้ำตาล 4 ช้อนโต๊ะ
  • - โกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
  • - นม 3 ช้อนโต๊ะ
  • - ไข่ไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
  • - น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ
  • - กลิ่นวานิลลา
  • - ช็อคโกแลตชิพ 3 ช้อนโต๊ะ
  • - แก้วมัค 1 ใบสำหรับอบเค้ก
            วิธีทำ ผสมแป้ง น้ำตาล โก้โก้ ลงในแก้วมัค คนให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นใส่ นม ไข่(ไข่ที่ตีผสมกันระหว่างไข่แดงกับไข่ขาว เหมือนเวลาทำไข่เจียว) น้ำมัน คนให้เข้ากัน เติมวานิลลาเล็กน้อย(สามารถใช้กลิ่นอื่นๆ ได้ตามชอบ เช่น มิ้นท์ ชินนาม่อน กาแฟ ฯลฯ) จากนั้นใส่ช็อคโกแลตชิพ คนเล็กน้อย แล้วนำเข้าไมโครเวฟ 2.30 นาที เพียงเท่านี้ก็จะได้เค้กช็อคโกแลตเก๋ๆ มาทานคู่กับน้ำชาได้แล้วล่ะค่ะ






ความรู้เกี่ยวกับเค้ก


ความรู้เกี่ยวกับเค้ก

          เค้กที่มีไขมันเป็นส่วนผสมหลักมีด้วยกัน 3 วิธี คือ
       วิธีที่1.ครีมเนย เป็นวิธีการผสมโดยตีไขมันกับน้ำตาลจนขึ้นฟูเป็นครีมขาว แล้วค่อยๆใส่ไข่ทีละฟอง ตีให้เข้ากัน จึงใส่แป้งสลับกับของเหลวโดยเริ่มต้นด้วยแป้งและต้องจบด้วยแป้ง การเติมแป้งลักษณะนี้เพื่อให้แป้งดูดซึมน้ำบางส่วนและป้องกันแป้งจับตัวเป็นก้อนผสมกันจนเนียนเรียบ

      วิธีที่2.ผสมขั้นตอนเดียว เป็นการผสมส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นไข่แล้วตีด้วยความเร็วสูงประมาณ 5 นาทีจึงใส่ไข่ ตีต่ออีก 5 นาทีด้วยความเร็วต่ำ วิธีนี้มักใช้กับแป้งสำเร็จรูป

     วิธีที่3. แยกไข่ขาว-ไข่แดง เป็นวิธีที่นิยมมาก เพราะจะได้เค้กที่มีปริมาณมาก โดยแยกไข่แดงและไข่ขาวไว้ก่อน แล้วตีเนยกับน้ำตาลจนขึ้นจึงใส่ไข่แดงทีละฟอง ตีผสมจนเข้ากันด้วยความเร็วต่ำ ใส่ส่วนผสมแป้งสลับกับของเหลว เติมกลิ่นตามต้องการ จากนั้นตีไข่ขาวครีมออฟทาร์ทาร์จนตั้งยอดอ่อนจึงค่อยๆ ใส่น้ำตาลอีกส่วนจนหมดและมีลักษณะตั้งยอดแข็ง ใส่ส่วนผสมแป้ง ตะล่อมเบาๆให้เข้ากัน เค้กที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลัก มี 2 วิธี คือ

            วิธีที่1. แองเจิลฟูลเค้ก เป็นเค้กที่ใช้ไข่ขาวตีกับน้ำตาลหนึ่งส่วนและใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไปด้วยเพื่อช่วยให้ฟองไข่ขาวอยู่ตัว ไม่เหลวเป็นน้ำ และทำทำให้เนื้อเค้กที่อบเสร็จมีสีขาวละเอียด ส่วนน้ำตาลอีกส่วนนำมาผสมกับแป้ง เกลือ แล้วนำไปผสมกับไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแข็ง คนเบาๆ ให้เข้ากัน วิธีนี้จะไม่มีไขมัน เพราะฉะนั้นพิมพ์ที่ใช้ใส่ก็ต้องไม่ทาไขมัน

            วิธีที่2. สปองจ์เค้ก เป็นเค้กที่ใช้ไข่ทั้งฟองหรือใช้เฉพาะไข่แดง โดยตีไข่กับน้ำตาลด้วยความเร็วสูงจนกระทั่งฟองไข่ละเอียดเป็นเนื้อสีขาว จึงใส่ส่วนผสมของแป้ง บางสูตรอาจมีนมและเนยละลายด้วย ซึ่งการเติมเนยละลายนั้นต้องเป็นเนยอุ่นๆ เพื่อป้องกันการยุบตัว และต้องใส่หลังจากผสมแป้งแล้วโดยคนเร็วๆ และเบา ชิฟฟอนเค้ก เป็นเค้กที่มีเนื้อเบาและนุ่ม
มีวิธีการทำ 2 ขั้นตอน

            ขั้นตอนที่1. แยกเอาไข่แดง - ไข่ขาว จากนั้นตีไข่ผสมกับแป้ง น้ำตาลหนึ่งส่วน ผงฟู เกลือ น้ำมันพืช และน้ำ คนจนส่วนผสมเนียน
            ขั้นตอนที่2. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ หรือน้ำมะนาวพอขึ้น จึงค่อยๆใส่น้ำตาลอีกส่วน ตีจนฟองแข็งตัวตั้งยอดแข็งจึงใส่ส่วนผสมไข่แดงตะล่อมเบาๆจนเข้ากันดีขั้นตอนนี้สำคัญมากต้องผสมเบาๆมือ


กินเค้กอย่างไร...ไม่อ้วน!!

กินเค้กอย่างไร...ไม่อ้วน!!

ผู้หญิงกับเค้กเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะมาล่อใจช่วงเวลาไหนรับรองสาวๆ ก็ควบคุมความอยากของตัวเองไม่ได้ 

      พูดถึงการ "กินเค้ก" อย่างไรไม่ให้อ้วน สิ่งแรกที่สาวๆ ควรรู้ไว้เลยว่าต้องกินให้ "ถูกเวลา" ซึ่งช่วงเวลาที่หมาะสมกับการกินเค้กนั้นคือ "ช่วงเช้า" อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอาหารเช้ามีความสำคัญต่อร่างกาย ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายทำงานมากที่สุด เมื่อเรากินอาหารเข้าไปทำให้สามารถนำอาหารที่เรากินไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

       ดังนั้นสาวๆ ที่ชอบกินเค้ก ให้นำมาเป็นอาหารที่ให้พลังงานในมื้อเช้า เพราะใน ช่วงเช้าระดับน้ำตาลในเลือดจะต่ำ ไม่ว่าใครก็ตามที่ตื่นนอนใหม่ๆ สมองจะไม่สามารถทำงานได้คล่องแคล่วในช่วงเวลานี้ เพราะจะมีการตอบสนองที่ไวต่อน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นพิเศษ และน้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย

      ถ้าเรากินเค้กในมื้อสาย หรือคิดง่ายๆ ว่าเป็นของว่างระหว่างมื้อในตอนกลางวัน จะทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้พลังงานที่ได้จากการกินเค้กหมดไป ร่างกายของจะสามารถใช้พลังงานให้หมดไปด้วยการทำกิจกรรมใน 1 วัน โดยการเคลื่อนไหว ยิ่งเคลื่อนไหวมากร่างกายจะดึงพลังงานจากเค้ก 1 ชิ้นให้หมดไปในช่วงก่อนเที่ยงได้ ... แค่ปรับเวลาการกินเค้กมาอยู่ในช่วงเช้า สาวสวยอย่างเราก็ไม่ต้องกลัวอ้วนอีกต่อไป